ประวัติ เอส กันตพงศ์ พระเอกสไตล์คมเข้ม หล่อเท่ เสน่ห์ฟุ้งกระจาย จากค่ายเจ็ดสี

พระเอกสไตล์หล่อเข้ม ถือว่าเป็นสิ่งที่คู่กันมาตลอดของช่องเจ็ดสี ที่มักจะมีพระเอกสไตล์นี้ คาแรกเตอร์แบบนี้โผล่ขึ้นมาเป็นตัวหลักของช่องได้ตลอดเวลาทีเดียว คนหนึ่งที่เป็นตัวหลักของช่องในสไตล์แบบนี้ก็คือ เอส กันตพงศ์ ดาราหนุ่มหล่อเข้มที่เล่นบทบู๊ หรือ ดราม่าก็ได้ตามใจสั่ง เราไปทำความรู้จักกับเขากันหน่อย

ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อจริง นามสกุลจริง กันตพงศ์ บำรุงรักษ์ ชื่อเล่นว่า เอส ตามที่ใช้ในวงการเลย เกิดวันที่ 8 สิงหาคม 2525 เกิดที่โรงพยาบาลพญาไท เป็นลูกคนเดียว สัญชาติไทย นับถือศาสนาพุทธ ด้านการศึกษาจบระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนเซนต์ดอมินิก ก่อนจะไปต่อระดับปริญญาตรี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ คณะนิติศาสตร์

การเข้าสู่วงการบันเทิง

เอส กันตพงศ์ การเข้าวงการบันเทิง จุดเริ่มต้นมาจากการชักชวนของสุดยอดนักปั้นมือทองอย่าง พี่เอ ศุภชัย พาการเข้าวงการบันเทิง จุดเริ่มต้นมาจากการชักชวนของสุดยอดนักปั้นมือทองอย่าง พี่เอ ศุภชัย ที่เห็นแววความหล่อเข้าตา จากนั้นก็ไปชักชวนมาเข้าวงการด้วยการถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา จนถึงเดินแบบ ด้วยความที่ เอส เป็นคนหล่อเข้ม หุ่นดีมาก ทำให้เจ้าตัวขึ้นกล้อง จนมีโอกาสเข้ามาเพิ่มขึ้นนั่นก็คือ การเข้าไปเล่นละครกับทางช่องเจ็ด พอเห็นแววดี ช่องเจ็ดไม่รอช้า จับเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดเลย เอส ถือว่าเป็นคาแรกเตอร์ที่ช่องเจ็ดชอบมากอย่างที่บอกไป หล่อเข้ม หุ่นดี ยิ้มสวย โดยเรื่องแรกที่เล่นในฐานะนักแสดงช่องเจ็ดก็คือเรื่อง คุณชายตำระเบิด เวอร์ชั่นปี 2553 แต่ยังเป็นนักแสดงสมทบ ยังไม่ได้เด่นมากนัก

จุดแจ้งเกิด

หลังจากเข้ามาได้ไม่นาน ต้องยอมรับว่า ช่องเจ็ด ไว้ใจเอส มากทีเดียว เพราะว่าเขาถูกดันมาให้เป็นพระเอกเร็วมากจาเรื่อง เรือนล้อมรัก ของปี 2554 จากบทบาท แทนตะวัน เรื่องนี้เป็นแนวดราม่า ที่เจ้าตัวได้เล่น ฝนทิพย์ วัชรตระกูล ปรากฏว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ประสบความสำเร็จมาก กระแสพูดกันปากต่อปาก ทำให้เอส และ ปุ๊กลุ๊ก ฝนทิพย์ กลายเป็นคู่จิ้น คู่ขวัญคู่ใหม่ของช่องกันเลยทีเดียวในเวลานั้น ถือว่าเป็นการแจ้งเกิดได้ดีของ เอส ในฐานะพระเอกของช่องด้วย

ผลงาน

จากความสำเร็จในเรื่อง เรือนล้อมรัก นั่นทำให้ ช่องเจ็ด เตรียมผลักดัน เอส กันตพงศ์ แบบยาวๆ เลย ปี 2555 เอสมีละครยาวถึง ห้าเรื่องด้วยกันคือ ดุจดาวดิน, สาวน้อยร้อยเล่มเกวียน, เกิดเป็นหงส์, อุบัติเหตุ และเสือสมิง ที่เจ้าตัวรับบทนำทุกเรื่องไม่เป็นพระเอกก็ตัวรองที่มีบทบาทสำคัญ ยิ่งเรื่องเสือสมิง เจ้าตัวได้โชว์การบู๊ ต่อสู้ด้วย ยิ่งทำให้ฐานะพระเอกของเขาฉายแสงแรงมากขึ้น จากนั้นเขาก็มาแบบต่อเนื่อง ปี 2556 เรื่อง ฉก.น้ำหวานอันธพาลหลบไป, บอดี้การ์ดสาว, พรมแดนหัวใจ ปี 2557 พราว ปี 2558 เพลิงตะวัน ปี 2559 ลิขิตริษยา, ขมิ้นกับปูน ปี 2561 เล็บครุฑ ปี 2562 สารวัตรใหญ่ , กุหลาบเกราะเพชร ปี 2563 ล่าท้าชน ปี 2564 แม่เบี้ย จะเห็นว่าหลังมานี้ เอส จะมาแนวพระเอกนักบู๊ของช่องอีกคนหนึ่งที่การเล่นบทบาท แต่ละเรื่องถือว่าเหมาะเลย ยิ่งบทที่เกี่ยวข้องกับการเป็นตำรวจ เวลาใส่ชุดเต็มยศแล้วดูเข้ากันดีทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น บท พ.ต.ต.กริช กำจร จากเรื่องเล็บครุฑ และ พ.ต.ท.ใหญ่ เวโรจน์ จากเรื่องสารวัตรใหญ่ อีกหนึ่งบทบาทที่เล่นไว้ดีมาก เป็นทั้งบู๊ ดราม่า เกือบทั้งเรื่อง ส่วนล่าสุดกับเรื่องแม่เบี้ย เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ เอส ได้แสดงความเป็นหนุ่มใหญ่ ที่เพียบพร้อมไปทั้งความหล่อ อบอุ่น มีประสบการณ์ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งบทบาทที่แม่ยกน่าจะตามกรี๊ดกันได้แบบไม่มีหมดเลยทีเดียว